ดาวน์โหลด




คำนำ
       รายงานเล่มนี้ทำขึ้นเพื่ออยากทราบโภชนาการทางอาหารของน้ำพริกปลาทูว่ามีคุณค่าทางประโยชน์และได้ทราบความเป็นมาของน้ำพริกมาอย่างไรบ้าง
       เนื้อหาของรายงานนี้เกี่ยวกับน้ำพริกปลาทูและโภชนาการของน้ำพริก ว่ามีประโยชน์อย่างไรและช่วยในการแก้หอบหืดและอีกหลายอย่างมาก ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์มากมาย
       ขอขอบพระคุณอาจารย์โสภิตา สังฆะโณที่แนะนำและตรวจทานแก้ไขรูแบบรายงานให้สมบูรณ์และถูกต้อง
        หากรายงานฉบับนี้มีข้อผิดพลาดประการใดต้องอภัยไว้ ณ โอกาสนี้



ชนะ  เดชไพบูลย์ศรี
อรุณรัชช์  ศิริศักดิ์





2. วัตถุประสงค์
       2.1 เพื่ออยากทราบวิธีการทำน้ำพริกปลาทู
       2.2 เพื่อต่อยอดสินค้า (น้ำพริกปลาทู) ให้แก่ครัวเรือน
       2.3 เพื่อให้ความรู้ต่อผู้ที่ศึกษาด้วยทางอินเทอร์เน็ต
       2.4 นำความรู้ที่เกี่ยวกับวิธีทำและคุณค่าทางโภชนาการมาลง บล็อกและเพจ
3. สมมุติฐาน
       เพื่อที่จะได้มีการขยายความรู้ของเมนูอาหารน้ำพริกที่มีแต่กะปิ พริกสด และกระเทียมเป็นต้น
4. ขอบเขตของการดำเนินการ
       4.1 รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นมาของน้ำพริกและคุณค่าทางโภชนาการ
       4.2 เวลาดำเนินการ คือ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555
       4.3 แหล่งค้นคว้าข้อมูลคือ จากอินเทอร์เน็ตและหนังสือสอนทำอาหารเมนูน้ำพริก
       4.4 ศึกษาและค้นคว้าประวัติของ น้ำพริก
5. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
       5.1 ความรู้ในการทำน้ำพริกปลาทูและประวัติของน้ำพริก
       5.2 ความรู้ในการทำบล็อกและเพจเพื่อเป็นสื่อกลางในการค้นคว้าข้อมูล





บทที่ 1
บทนำ
       1. หลักการและเหตุผล
      น้ำพริกปลาทู เมนูคู่ครัวไทยไม่ว่าจะมีฐานะดีหรือจนอย่างไร ก็นิยมรับประทานอาหารจานนี้กันตั้งแต่อดีต ปลาทูได้ชื่อว่าเป็นปลาที่จับได้มากที่สุดในท้องทะเลไทยและเป็นอาหารของภาคกลาง อีสานและเหนือ ในปัจจุบันปริมาณความต้องการบริโภคปลาทูมีอยู่สูงในปัจจุบันปลาทูแทบไม่มีเพียงพอต่อความต้องการของคนในประเทศที่หันมานิยมบริโภคปลาทูมากขึ้นเนื่องจากอิทธิพลตะวันตกที่นิยมบริโภคอาหารทะเลและส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับคุณค่าทางโภคชนาการของสัตว์น้ำโดยเฉพาะในด้านช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือด เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ แคลอรี่ต่ำ และย่อยง่าย มีส่วนให้คนไทยหันมาบริโภคอาหารทะเลและปลาทูอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้เครื่องมือจับปลาทูยังได้รับการพัฒนาจนสามารถจับปลาได้ปริมาณมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
       Blogนี้เกี่ยวกับวิธีการทำน้ำพริกปลาทูละคุณค่าทางโภชนาการซึ่งเป็นวิธีการหารายหรือรายได้เสริมที่อาจทำให้เป็นอาชีพที่น่าสนใจเพราะน้ำพริกนั้นมีคุณค่าทางโภชนาโดยปรกติ เราจะนำวิธีการน้ำพริกปลาทูและคุณค่าทางโภชนาการลงBlog ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนถึงขั้นตอนสุดท้าย
       จากที่กลุ่มข้าพเจ้านำเสนอนี้เป็นเรื่องวิธีการทำน้ำพริกปลาทูและคุณค่าทางโภชนาการเป็นเกณฑ์การนำความรู้มาต่อยอดเป็นรายได้หลักหรือรายได้เสริมของคนที่สนใจที่จะทำ






บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
1. คุณค่าทางโภชนาการอาหาร (น้ำพริกปลาทู)
       คุณค่าทางโภชนาการของน้ำพริกปลาทูเต็มไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นกระเทียมที่ช่วยในการแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมและอาการปวดท้องต่างๆ และยังมีต้นหอม ผักชี แตงกวา มะเขือเปราะและหอมแดงส่วนประที่กล่าวมาทั้งหมดต่างก็มีคุณค่าทางอาหารอย่างเช่น ช่วยขับเหงื่อ ลดน้ำตาลในเลือด ขับเสมหะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ แก้ทอนซิลอักเสบ ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะ มีวิตามินเอและแคโรทีนมาก บำรุงสายตาและป้องกันการเกิดมะเร็ง
       ความหลากหลายของน้ำพริกนั้นแล้วแต่บางถิ่นจะเรียกอย่างเช่นภาคใต้จะเรียกว่าน้ำชุบ องค์ประกอบของน้ำพริกชาวใต้มีหลักๆ คือพริก หอมและกะปิถ้าผสมให้เข้ากันด้วยมือเรียกว่า น้ำชุบโจรหรือถ้าตำให้เข้าจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวเรียกว่า น้ำชุบ ทางชาวใต้ส่วนใหญ่กินน้ำพริกคู่กับผักหลายชนิดทั้งผักสดและผักลวกซึ่งจะแตกต่างจากภาคเหนือตรงที่เครื่องปรุงทุกอย่างต้องเผาให้สุกก่อน ปรุงรสด้วยเกลือเป็นหลัก เป็นต้นและน้ำพริกทางภาคอีสานแตกต่างไปที่มีปลาร้า ปลาสดและปลาช่อน
       ความเป็นมาของน้ำพริกนั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีคำว่า “น้ำพริก” มีความหมายมาจากการปรุงด้วยการนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอมและเครื่องเทศกลิ่นแรง มาโขก บด รวมกันเพื่อใช้สำหรับจิ้ม โดยมีดอกแค มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง ถั่วหูและสัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปลาและกุ้ง คนสมัยก่อนนิยมรับประทานสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก จึงมีการคิดค้นน้ำพริกเพิ่มหลากหลายรสชาติและในปัจจุบันได้มีการนำน้ำพริกชนิดต่าง ๆ มาดัดแปลงเป็นอาหารหลากหลายประเภท รวมถึงนำมาผัดกับข้าว เช่น ข้าวผัดน้ำพริกนรก ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู เป็นต้น






   บทที่ 3       
วิธีการดำเนินงาน
การดำเนินการ
วันที่/ระยะเวลาที่ดำเนินการ
รายละเอียดของกิจกรรม
กำหนดหัวข้อโครงงาน
๒๐ พฤศจิกายน ๕๕ ๒๕ พฤศจิกายน ๕๕
-สมาชิกกันในกลุ่มร่วมกันคิดหาหัวข้ออะไรในการทำโครงงานเรื่องนี้เป็นระยะเวลา ๕ วัน
เสนอโครงร่างของโครงงาน
๖ ธันวาคม ๕๕ – ๒๒ ธันวาคม ๕๕
-เมื่อได้หัวข้อเรื่องที่จะทำแล้วคณะผู้จัดทำก็เริ่ม
-เมื่อร่างโครงร่างเสร็จแล้วคณะผู้จัดทำจึงนำเสนอโครงร่างแก่ครูที่ปรึกษาโครงงาน
ลงพื้นที่รวบรวมข้อมูล
๑๕ ธันวาคม ๕๕  ๓๑ ธันวาคม ๕๕
-ได้วางแผนที่จะไปโดยใช้เวลาในการวางแผนตั้งแต่ ๑๕ – ๒๑ ธันวาคม ๕๕
-วันที่ ๒๒ – ๒๔ ธันวาคม ๕๕ เราได้ไปยังร้านอาหารกับร้านหนังสือเพื่อรวบรวมข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูล
๒๕ ธันวาคม ๕๕ – ๓๑ ธันวาคม ๕๕
หลังจากลงพื้นที่แล้วกระผมและเพื่อนๆได้นำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะฆืและเรียบเรียงเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อนำไปใช้ในการสร้างเว็บบล็อกและพาไปใช้ไนการทำโครงงานการศึกษาเรียนรู้


ออกแบบเว็บไซต์
๑ มกราคม ๕๖ – ๑๕ มกราคม ๕๖
-กระผมและคณะผู้จัดทำได้ร่วมกันคิด วิเคราะห์ในการออกแบบเว็บไซต์ตามวันเวลาที่กำหนด
พัฒนาเว็บไซต์
๑๖ มกราคม  ๒๖ มกราคม ๕๖
-หลังจากออกแบบบล็อกแล้วก็ดำเนินการไปยังขั้นต่อไปนั้นคือ การพัฒนาบล็อกโดยการไปที่รูปแบบและเพิ่มสิ่งที่ต้องการโดนใส่บทความ หน้าเว็บเละตกแต่งเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ที่เกี่ยวกับหัวข้อ
ทดสอบและแก้ไขระบบ
๒๖ มกราคม๕๖  ๖ กุมภาพันธ์ ๕๖
-หลังจากที่กระผมพัฒนาบล็อกแล้วได้ตรวจสอบบล็อกและเปลี่ยนรูปแบบเพื่อให้ถูกต้องมากที่สุดเพื่อให้งานออกมาสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนด
นำเสนอโครงงาน
๖ กุมภาพันธ์๕๖ – ๑๒ กุมภาพันธ์ ๕๖
-กระผมได้แบ่งหน้าที่ตามความเหมาะสมให้สมาชิกในกลุ่มและการนำเสนอโครงงาน เราจะเอาเว็บบล็อกเป็นหลักในการนำเสนอต่อหน้าที่ประชุม
ประเมินผลโครงงาน
๑๓ กุมภาพันธ์๕๖  ๑๙ กุมภาพันธ์ ๕๖
-หลังจากนำเสนอโครงงานเสร็จแล้ว ก็จะให้ครูที่ปรึกษาโครงงานแสดงความคิดเห็นตามความสมควรและให้เพื่อนในห้องได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นด้วยตามสมควร







บทที่ 4
ผลการดำเนินงาน
1. ผลการดำเนินงาน
       1. ได้ทราบความเป็นมาเกี่ยวกับน้ำพริก
       2. ได้ทราบถึงการเรียกและการกินน้ำพริกปลาทูของแต่ละภาค
       3. ได้ทราบเกี่ยวกับโภชนาการของน้ำพริกปลาทู
2. ความเป็นมาของน้ำพริกปลาทู
       น้ำพริกนั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีคำว่า “น้ำพริก” มีความหมายมาจากการปรุงด้วยการนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอมและเครื่องเทศกลิ่นแรง มาโขก บด รวมกันเพื่อใช้สำหรับจิ้ม โดยมีดอกแค มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง ถั่วหูและสัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปลาและกุ้ง คนสมัยก่อนนิยมรับประทานสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก จึงมีการคิดค้นน้ำพริกเพิ่มหลากหลายรสชาติและจนในที่สุดก็ได้มีการเอาน้ำพริกมาลองผสมกับเนื้อสัตว์แทนที่จะมีผักเป็นส่วนผสมหลัก แต่ก็ได้เอาเนื้อมาแทนจึงได้มีความหลากหลายสืบทอดมาถึงทุกวันนี้
3.การเลือกปลาทูและวิธีทำน้ำพริก
       การเลือกปลาทูว่าสดหรือไม่สด ให้สังเกตลักษณะของปลาทูจะมีลูกตานูนดำ มีสีสดใสและส่วนหลังของลำตัวจะมีสีเขียว เป็นพื้นที่ส่วนท้องมีสีขาวหรือสีน้ำเงิน หางปลายังมีสีเหลือง ตามลำตัวเป็นเมือกลื่นๆ เหงือกมีสีแดงอมชมพู ปลาไม่มีกลิ่นเนื้อแน่นปลาทูที่เนื้อนิ่มกินอร่อยนั้นมี 2 แห่งคือจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดสตูล เพราะปลาจากแหล่งอื่นเป็นดินทรายเนื้อจะแข็งขาดความมันไม่อร่อยและเป็นที่รู้กันดีว่า ปลาทูจากเรือตังเกและเรืออวนลากมีรสชาติที่ต่างกันอย่างชัดจน ปลาทูโป๊ะจะมีลำตัวสีขาวแถบน้ำเงิน ตาโต แต่ปลาที่มากับเรือตังเกและเรืออวนลากจะมีลำตัวค่อนข้างหนา ไม่ได้ขนาด ตาแดง เนื้อแข็งและไม่นิ่มเหมือนปลาทูโป๊

4. บล็อก
       บล็อก หรือ เว็บบล็อก เป็นเว็บไซต์สำหรับเขียนบันทึกเรื่องราวประจำวันเพื่อสื่อสารความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ประสบการณ์ ความรู้และข่าวสารในเรื่องที่ผู้เขียนท่านหนึ่งสนใจโดยเฉพาะ ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้บล็อกต่างกับเว็บบอร์ด และเนื่องจากความจริงใจและอิสระทางความคิดที่สื่อสารออกไป ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในลักษณะของบุคคลที่หนึ่ง เป็นการบ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของผู้เขียนได้เป็นอย่างดีทีเดียว จึงทำให้บล็อกเป็นสื่อที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในนานาประเทศ





บทที่ 5
สรุป อภิปราย และข้อเสนอแนะ
1. สรุปและอภิปรายผล
       น้ำพริกนั้นมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีคำว่า “น้ำพริก” มีความหมายมาจากการปรุงด้วยการนำสมุนไพร พริก กระเทียม หัวหอมและเครื่องเทศกลิ่นแรง มาโขก บด รวมกันเพื่อใช้สำหรับจิ้ม โดยมีดอกแค มะเขือยาว แตงกวา ถั่วฝักยาว มะเขือม่วง ถั่วหูและสัตว์น้ำต่าง ๆ เช่น ปลาและกุ้ง คนสมัยก่อนนิยมรับประทานสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก จึงมีการคิดค้นน้ำพริกเพิ่มหลากหลายรสชาติและในปัจจุบันได้มีการนำน้ำพริกชนิดต่าง ๆ มาดัดแปลงเป็นอาหารหลากหลายประเภท รวมถึงนำมาผัดกับข้าว เช่น ข้าวผัดน้ำพริกนรก ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู เป็นต้นและคุณค่าทางโภชนาการของน้ำพริกปลาทูเต็มไปด้วยประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นกระเทียมที่ช่วยในการแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมและอาการปวดท้องต่างๆ และยังมีต้นหอม ผักชี แตงกวา มะเขือเปราะและหอมแดงส่วนประที่กล่าวมาทั้งหมดต่างก็มีคุณค่าทางอาหารอย่างเช่น ช่วยขับเหงื่อ ลดน้ำตาลในเลือด ขับเสมหะ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ขับปัสสาวะ แก้เจ็บคอ แก้ทอนซิลอักเสบ ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะ มีวิตามินเอและบำรุงสายตาและป้องกันการเกิดมะเร็งและประโยชน์ยังมีอีกเยอะมากมายแล้วแต่คนเราจะชอบใส่ผักอะไรตามใจชอบ
2. ข้อเสนอแนะ
       การทำรายงานวิชาการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ประกอบความรู้ใหม่ เรื่อง น้ำพริกปลาทูนี้ เป็นเพียงแค่การศึกษาในเรื่องเดียวแต่ยังมีความเป็นมาและคุณค่าทางโภชนาการต่างๆ อีกมากมายของน้ำพริกที่ยังไม่ได้มีการศึกษา หรือเผยแพร่ให้คนอื่นได้รับรู้ ควรจะหาเรื่องราวและความเป็นมาในด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวกับน้ำพริกมาจัดทำเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่คนทั่วไป







บทคัดย่อ



        รายงานการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้ใหม่นำเสนอผลงานผ่านสังคมออนไลน์โดยใช้เว็บบล็อกเป็นสื่อ เรื่อง น้ำพริกปลาทูและคุณค่าทางโภชนาการ ผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการศึกษาค้นคว้าเนื่องจากเป็นหัวข้อที่น่าสนใจซึ่งได้ทราบความเป็นมาของน้ำพริกปลาทู ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการได้อย่างไร มีส่วนผสมที่สำคัญใดบ้างใน และที่สำคัญคือได้ทราบว่าส่วนผสมของน้ำพริกปลาทูนั้นส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นแต่สมุนไพร รวมไปถึงได้ทราบถึงประโยชน์และวิธีเรียกและการกิน้ำพริกของแต่ละภาคอีกด้วย เพราะปัจจุบันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ทราบถึงประโยชน์ของน้ำพริกจึงทำให้ผู้คนไม่ให้ความสำคัญกับน้ำพริกเลย








บรรณานุกรม








     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น